วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอก ลิน ลี่




ชื่อวิทยาศาสตร์ Lilium spp.
ชื่อสามัญ Lily,  Easter Lily
ถิ่นกำเนิด ในทวีปเอเชียแถว ๆ จีนและญี่ปุ่น
ลิลลี่ (Lily, Lilium hybrids) เป็นไม้ดอกประเภทหัว มีดอกขนาดใหญ่เป็นสง่าและสวยงามมาก บางชนิดมีกลิ่นหอมมาก นับว่าเป็นดอกไม้ที่มีราคาแพงที่สุดในปัจจุบัน ใช้ได้ทั้งเป็นไม้ตัดดอกและไม้กระถาง ชนิดที่นิยมปลูกในปัจจุบันคือ ลิลลี่ปากแตร เนื่องจากดอกมีรูปทรงเหมือนแตร ชนิดนี้มีดอกสีขาวมีกลิ่นหอม ในต่างประเทศเรียก Easter lily อีกชนิดหนึ่งเป็นลูกผสมเอเชีย (Asiatic hybrids) มีช่อดอกตั้ง มีดอกหลายสี ชนิดนี้มีดอกไม่หอม อีกชนิดหนึ่งมีดอกหอมมากมีราคาแพงที่สุด คือลูกผสม Oriental hybrids
ในพื้นที่ของโครงการหลวง เช่น ดอยปุย ดอยอ่างขาง และดอยอินทนนท์ พบว่ามีลิลลี่พันธุ์พื้นเมือง หรือเรียกว่าลิลลี่ดอยขึ้นอยู่ในป่า ออกดอกในเดือนสิงหาคมดอกหอมมากโดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่มีอากาศหนาวเย็น
ปัจจุบันนี้โครงการหลวงได้ทำการวิจัยขยายพันธุ์ลิลลี่ โดยวิธีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้เกษตรกรชาวเขาปลูก นอกจากนี้ยังได้ทำการปรับปรุงพันธุ์ลิลลี่ลูกผสมต่างชนิด โดยใช้พ่อแม่พันธุ์ที่นำเข้าจากต่างประเทศผสมกับลิลลี่ดอยอีกด้วย




ลักษณะทั่วไป
ลิลี่เป็นไม้ดอกที่มีหัวสะสมอาหารอยู่ใต้ดิน หัวของลิลี่ คือ ส่วนลำต้นที่อัดตัวกันแน่น ประกอบด้วยฐานของหัว ลักษณะเป็นแผ่นแบน ๆ ด้านบนเป็นกลีบเรียงซ้อนกันเป็นชั้นคล้ายกลีบหอมหัวใหญ่ ทำหน้าที่เก็บสะสมอาหาร ด้านล่างของฐานจะมีรากงอกออกมา หัวของลิลี่จะเจริญเติบโตและเพิ่มขนาดขึ้นเรื่อย ๆ ในแต่ละปีจะสร้างจุดเจริญใหม่ภายในหัว เมื่อหัวพัฒนาเต็มที่และ ได้ผ่านช่วงฤดูหนาวเกิดการทำลายการฟักตัวของหัว ยอดใหญ่จะเจริญเติบโตเป็นลำต้นเหนือดิน และส่วนยอดะสร้างช่อดอก ซึ่งดอกจะมีกลีบดอก 6 กลีบ แยกออกจากกัน มีเกสรตัวผู้ชูขึ้นอยู่ใจกลางดอก ลิลี่นั้นมีหลายสี มีทั้งสีขาว ชมพู ส้ม แดง ม่วง และมีสองสีในดอกเดียวกัน นอกจากนี้บางพันธุ์ยังมีจุดประบนกลีบดอกอีกด้วยซึ่งได้รับความนิยมมาก ดอกจะบานได้ 2-4 วัน
การขยายพันธุ์ ใช้หัว 





ความหมายของดอกลิลลี่


ดอกลิลลี่สีขาว




 เราเริ่มต้นกันที่ดอกลิลลี่สีขาวกันก่อนนะ ดอกลิลลี่สีขาวมีความหมายถึง "ความรักที่บริสุทธ์"  อ่อนโยน และอ่อนหวาน เหมือนรักแรกพบอะไรประมาณนั้น ดอกลิลลี่สีขาว จะให้ความหมายคล้ายๆ กันกับดอกกุหลาบสีขาวนะ



ดอกลิลลี่สีเหลือง







 ต่อไปเรามาดูความหมายของดอกลิลลี่สีเหลืองกันบ้าง ดอกลิลลี่สีเหลือง จะหมายถึง "ความรักที่แสดงออกถึงความห่วงใย"  เป็นห่วงตลอดเวลา อยากให้ปลอดภัย ความหมายของดอกลิลลี่สีเหลืองจะประมาณนี้นะ

      ลินลี่ สีส้ม      



 ความหมายของดอกลิลลี่สีส้ม ก็จะสดใสเหมือนสีของมันนั้นเอง ดอกลิลลี่สีส้มหมายถึง ความสนุก ความร่าเริง แฮปปี้ มีความสุข ดอกลิลลี่สีส้ม จึงเป็นดอกไม้ที่น่าให้สำหรับเพื่อนสนิท คนรู้จักทั่วไป




ลินลี่ สี ชมพู





 เป็นดอกที่เหมาะจะให้แก่คนรัก ด้วยสีที่หวานของสีชมพู จึงทำให้การให้ดอกลิลลี่สีชมพูนั้น แสดงออกถึงความรักที่ลงตัว ประมาณว่าเธอคือคนที่ใช่ และเป็นอะไรที่





ดอก กุหลาบ



คำว่ากุหลาบนั้นเป็นคำศัพท์มาจากภาษาฮินดี (गुलाब อ่านว่า กุ-ลาพ หรือคนไทยเราเรียกว่าคุ-ลาพ แล้วตอนหลังก็เป็นกุหลาบ) ในภาษาเปอร์เซีย แปลว่าสีแดง

[แก้]ความสำคัญทางเศรษฐกปัจจุบันประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกกุหลาบตัดดอกประมาณ 5,500 ไร่ กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ แหล่งปลูกที่สำคัญได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก นครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี และกาญจนบุรี มีการขยายตัวของพื้นที่มากที่สุดใน อำเภอพบพระ จังหวัดตาก ซึ่งปัจจุบันประมาณว่ามีพื้นที่การผลิตถึง 3,000 ไร่ เนื่องจาก อ.พบพระ มีสภาพภูมิอากาศที่เหมาะสม พื้นที่ไม่สูงชัน และค่าจ้างแรงงานต่ำ (แรงงานต่างชาติ) การผลิตกุหลาบในประเทศไทยอาจแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะคือ การผลิตกุหลาบในเชิงปริมาณ และการผลิตกุหลาบเชิงคุณภาพ การผลิตกุหลาบเชิงปริมาณ หมายถึงการปลูกกุหลาบในพื้นที่ขนาดใหญ่ หรือปลูกในพื้นที่ราบ ซึ่งจะให้ผลผลิตมีปริมาณมาก แต่ผลผลิตไม่ได้คุณภาพ เช่น ดอกและก้านมีขนาดเล็ก มีตำหนิจากโรคและแมลง หรือการขนส่ง อายุการปักแจกันสั้น ทำให้ราคาต่ำ การผลิตชนิดนี้ต้องอาศัยการผลิตในปริมาณมากเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ ส่วนการผลิตกุหลาบในเชิงคุณภาพ นิยมปลูกในเขตภาคเหนือ และบนที่สูง โดยปลูกกุหลาบภายใต้โรงเรือนพลาสติก ในพื้นที่จำกัด มีการจัดการการผลิตและการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวที่ดี ใช้แรงงานที่ชำนาญ ทำให้กุหลาบที่ได้มีคุณภาพดี และปักแจกันได้นาน ตลาดของกุหลาบคุณภาพปานกลางถึงต่ำ (ตลาดล่าง) ในปัจจุบันถึงขั้นอิ่มตัว เกษตรกรขายได้ราคาต่ำมาก ส่วนตลาดของกุหลาบที่มีคุณภาพสูง (ตลาดบน) ผลผลิตในประเทศยังไม่เพียงพอ และขาดความต่อเนื่อง ทำให้ยังต้องนำเข้าดอกกุหลาบจากต่างประเทศ เช่น เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย เป็นต้นกุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการปลูกเป็นการค้ากันแพร่หลายทั่วโลกมานานแล้ว กุหลาบเป็นไม้ตัดดอกที่มีการซื้อขาย เป็นอันดับหนึ่งในตลาดประมูลอัลสเมีย ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นตลาดประมูลไม้ดอก ที่ใหญ่ที่สุดของโลก เมื่อ พ.ศ. 2542 มีการซื้อขายถึง 1,672 ล้านดอก และมักจะมียอดขายสูงสุดในประเทศต่าง ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ดอกชนิดอื่น ๆ โดยประเทศที่ปลูกกุหลาบรายใหญ่ของโลกได้แก่ อิตาลีเนเธอร์แลนด์ สเปน สหรัฐอเมริกา โคลัมเบีย เอกวาดอร์ อิสราเอล เยอรมนี เคนยา ซิมบับเว เบลเยียมฝรั่งเศส เม็กซิโก แทนซาเนีย และ

ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตกุหลาบคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่อง หากแต่จะต้องผลิตในพื้นที่ที่เหมาะสม คือพื้นที่สูงมากกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล หากปลูกในที่ราบจะได้คุณภาพดีในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ดังนั้นการผลิตกุหลาบมีแนวโน้มเพิ่มพื้นที่การผลิตบนที่สูงมากขึ้น



[แก้]



ดอกคัต เตอร์

ไร่ดอกคัตเตอร์ เขาค้อ เพชรบูรณ์



ไร่ดอกคัตเตอร์ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์




ไร่ดอกคัตเตอร์ที่เขาค้อ
อาชีพที่สร้างรายได้พอกินพอใช้ ของคนเพชรบูรณ์ จำได้ว่า...เคยเดินทางไปเที่ยวอำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ก็เมื่อหลายปีที่แล้ว จนนึกไม่ออกว่า ทุกวันนี้เขาค้อจะยังคงสวยงามอย่างที่เคยเจอเมื่อครั้งกระโน้นหรือเปล่า แต่แล้วล่าสุดก็มีโอกาสได้มาเยือนเขาค้ออีกครั้ง โดยได้รับการอำนวยความสะดวกจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือที่รู้จักกันในนาม (ธกส.) เป็นผู้พาเรามาสัมผัสบรรยากาศและความเป็นอยู่ของคนที่นี่

เป้าหมายหลักของการเดินทางมาเขาค้อ นั่นคือ...การเยี่ยมชมกิจการลูกค้าของ ธกส. ที่ได้รับสินเชื่อมาใช้เพื่อการเกษตรว่าประสบผลสำเร็จมากน้อยเพียงใด และที่แรกที่เราได้แวะชมนั่นคือ ไร่ดอกคัตเตอร์ของคุณสมชาย จันลี และคุณลำพูน จันลี สองสามีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากเจ้าของไร่คัตเตอร์ ที่ได้ช่วยกันก่อร่างสร้างตัวจากที่ไม่มีอะไร ให้ทุกวันนี้เป็นวันที่มีความสุข ครอบครัวมีกินมีใช้อย่างไม่ขัดสน ลูกๆ ได้เรียนกันอย่างสบาย และที่สำคัญคือไม่ต้องดิ้นรนออกไปหางานทำที่เมืองหลวงให้ยุ่งยาก จนทำให้ผู้เขียนเกิดความอิจฉาขึ้นมานิดๆ คุณสมชาย จันลี เจ้าของไร่ดอกคัตเตอร์ ที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จกับการปลูกดอกไม้ ได้เล่าถึงความเป็นมาของการทำไร่ดอกคัตเตอร์ให้ฟังว่า เมื่อก่อนตนเคยประกอบอาชีพ ปลูกผักกะหล่ำแต่ว่าได้ราคาขายไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้สถานะการเงินที่บ้านขาดแคลนไม่เพียงพอต่อรายจ่ายที่เพิ่มมากขึ้น

จึงได้ปรึกษากับภรรยา คือคุณลำพูน จันลี ว่าจะทำอะไรดี จึงจะทำให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งการปลูกกะหล่ำกว่าใช้เวลาเก็บเกี่ยวนาน และยากต่อการดูแล ดังนั้นเราจึงได้ตกลงกันที่จะทดลองรับดอกคัตเตอร์จากเชียงใหม่มาขายที่พิษณุโลก ปรากฏว่าได้กำไรดีแต่ต้องเดินทางบ่อย นั่นจึงเป็นที่มาให้ตัดสินใจที่จะปลูกดอกคัตเตอร์ขายเองด้วยพื้นที่ที่มีอยู่ 1 ไร่ กับอีก 2 งาน ด้านคุณลำพูน จันลี ภรรยาของคุณสมชาย กล่าวเสริมว่า... หลังจากที่รับดอกไม้มาขายอยู่ประมาณ 4 ปี ก็ได้รับแนะจากแม่ค้าขายดอกไม้ที่เชียงใหม่ว่า น่าจะปลูกดอกคัตเตอร์ขายเอง เพราะอากาศที่เขาค้อดีกว่าเชียงใหม่ และพื้นที่ก็เหมาะแก่การเพาะปลูก ตนและสามีจึงได้ปรึกษากันอีกครั้ง และได้ตัดสินใจเริ่มลงมือปลูกดอกคัตเตอร์ โดยใช้พื้นที่บริเวณบ้านประมาณ 1 ไร่ กับอีก 2 งาน เป็นแปลงปลูก เริ่มแรกก็ปลูกแซมกันไปกับดอกเบญจมาศก่อน แต่ตอนนั้นราคาขายส่งดอกเบญจมาศไม่สู้ดีนัก จึงได้เปลี่ยนมาเป็นแปลงปลูกดอกคัตเตอร์เพียงอย่างเดียว โดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 14,000 บาท เพื่อซื้อหลอดไฟมาใช้ในแปลงดอกคัตเตอร์ และกู้ยืมจาก ธกส.มาส่วนหนึ่งเพื่อซื้อรถกระบะมาใช้ในการขนส่ง

คุณลำพูน ยังกล่าวอีกว่า.. ตลาดของเราจอยู่ที่จังหวัดพิษณุโลกและปากคลองตลาด ราคาส่งอยู่ที่ 40-50 บาทต่อกิโลกรัม แต่ถ้าเป็นช่วงเทศกาล เช่น วาเลนไทน์ ออกพรรษา จะได้ราคาส่งที่สูงขึ้นประมาณ 70-80 บาท ต่อกิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเก็บเกี่ยวกำไรของชาวสวนที่ลงแรงมาตลอดทั้งปี ด้านผลผลิตสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกวันวันละประมาณ 200 กิโลกรัม เพื่อนำไปขายส่งยังตลาดพิษณุโลก ซึ่งในหนึ่งแปลงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 2 ครั้ง เมื่อเก็บจนหมดแปลงจึงค่อยตัดลำต้นให้เหลือแต่ตอแล้วค่อยอนุบาลต้นใหม่ ใช้เวลา 3 เดือนก็สามารถเก็บดอกได้อีก สำหรับปุ๋ยที่ใช้จะคือสูตร 15 และที่สำคัญที่สุด คือจะต้องคอยดูแลไม่ให้ดอกโดนน้ำมากเกินไป เพราะจะทำให้ช้ำ ไม่สามารถนำออกขายได้ สองสามีภรรยายังบอกอีกว่า ตั้งแต่หันมาปลูกดอกคัตเตอร์ ชีวิตก็ดีขึ้น ฐานะทางบ้านไม่ขัดสน ซึ่งรายได้ต่อเดือนเฉลี่ยประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท เม็ดเงินจากแปลงดอกคัตเตอร์ 1 ไร่ กับอีก 2 งาน สามารถส่งเสียลูกให้เรียนจบได้ในระดับสูง ครอบครัวมีความสุข ไม่ต้องดิ้นรนออกไปหางานทำที่กรุงเทพ เหมือนครอบครัวอื่น ที่สำคัญใครที่คิดอยากจะทำไร่ดอกไม้แล้วล่ะก็ จะต้องมีใจรักจริงๆ พยายาม ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่อยากทำอย่างจริงจัง ไม่ใช่ว่าทำไปแล้วพอไม่ประสบผลสำเร็จก็รีบวางมือ ของทุกอย่างจะต้องใจเย็นๆค่อยเป็นค่อยไป แล้วไม่นานทุกอย่างจะเข้ารูปเข้ารอยเอง บทสรุปในการมาเขาค้อครั้งนี้ไม่เสียเที่ยวจริงๆ นอกจากจะได้เดินลัดเลาะชมสวนดอกคัตเตอร์ให้ชื่นใจแล้ว ยังได้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกดอกคัตเตอร์อีกด้วย ใครจะคิดว่าพื้นที่ 1 ไร่ กับอีก 2 งาน จะสามารถสร้างดอกออกผลให้เกษตรกรชาวเพชรบูรณ์คู่นี้ได้อย่างมหาศาล ส่วนท่านผู้อ่านที่สนใจอยากได้ความรู้เป็นวิทยาธาร หรือถ้าใครอยู่ใกล้เขาค้ออยากจะไปรับซื้อดอกคัตเตอร์จากไร่พี่สมชาย ก็ตรงไปได้ที่ 62/1 ม.5 ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โทรศัพท์ 08-6932-1858

ดิกลั่นทม

ดอกลั่นทม







สำหรับดอกไม้นั้นมีมากมายหลายชนิดก็เหมือนกันกับสมุนไพรของเรา หรือคนเราเองก็ยังมีหลายประเภท หลายนิสัย ดอกไม้เองกเช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสี ลวดลาย ลักษณะดอก กลิ่น เป็นต้น ก็แตกต่างกันออกไป จึงได้ได้ว่าเป็น “ดอกไม้นานานชนิด” ดอกไม้นานาพรรณก็ว่าได้ค่ะ เราจึงมีเรื่องของดอกลั่นทมขาวมาให้รู้กัน
รูปลักษณะของลั่นทมขาว ลั่นทมขาวหรือลีลาวดีนั้นเป็นดอกไม้ที่มีกลีบดอกสีขาวมีสีเหลืองอยู่ตรงกลางดอกของกลีบ 5 กลีบ โดยกลีบของลั่นทมนั้นจะเชื่อติดกันซึ่งมีลักษณะดอกคล้ายกันกับดอกปานบุรีเป็น “ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม” โดยจะออกดอกเป็นช่อโดยจะมีก้านยื่นอกมาจากปลายยอดเพื่อให้สามารถออกดอกได้ เป็นดอกไม้ที่มียางเกิดขึ้นอยู่ทั่วทั้งลำต้นและใบ มียางเป็นสีขาว ซึ่งดอกลั่นทมนั้นมากมายหลายสีด้วยกันค่ะ และเวลาเรียกก็จะเรียกชื่อตามสี เช่น ลั่นทมสีขาว ลั่นทมสีแดง เป็นต้น
ซึ่งลั่นทมนั้นเป็นชื่อที่ฟังแล้วไม่ไพรเราะ เพราะเหมือนกันคนที่มีความระทมภายในใจเมื่อฟังแล้วทำให้หดหู่จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อมาเป็นดอกลีลาวดีเพื่อให้มีชื่อที่น่าฟัง นอกจากจะเป็นดอกไม้ที่ให้ความหอมที่สามารถช่วยให้อามรณ์ดี ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายแล้ว ยังมี “สรรพคุณทางยา” ที่ดีอีกด้วยค่ะ เพราะลั่นทมขาวนั้นสามารถที่จะนำฝักมาใช้ในการรักษาอาการริดสีดวงทวารที่เกิดขึ้นให้หายได้ ด้วยการนำเอาฝักของลั่นทมมาทำการฝนแล้วนำมาทาแก้ริดสีดวงทวาที่เกิดขึ้นนั่นเองค่ะ ดังนั้นนอกจากจะเป็นดอกไม้ที่ให้ความหอมแล้วยังมีสรรพคุณทางยาอีกด้วยค่ะ
และนี่ก็เป็นเรื่องราวของ “ดอกลั่นทมขาว” ที่ได้มีการนำมาปลูกเพื่อให้ความหอมที่เป็นธรรมชาติ ทำให้มีความรู้สึกที่ดีเกิดขึ้นและนำมาใช้ในการรักษาริดสีดวงทวารที่เกิดขึ้นได้อีกด้วยค่ะ




วันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ดอกทิวลิปสีแดง


ดอกทิวลิป






ลักษณะของดอกทิวลิป

ชื่อสามัญ : tulip ชื่อวิทยาศาสตร์ : Tulipa spp.  L. ตระกูล   Liliaceae    ทิวลิป (Tulip) เป็นชื่อสามัญของพันธุ์ไม้หัว   ที่ออกดอกในฤดูใบไม้ผลิ   ถ้าเราจะกล่าวกันถึง ต้นหรือดอก “ทิวลิป” ก็จะเหมือนๆ กับการพูดถึง “กล้วยไม้” หรือ “กุหลาบ” อย่างนั้นเอง เพราะชื่อของทิวลิป กล้วยไม้ และกุหลาบ เป็นคำสามัญนามที่ไม่ได้มีจัดแยกประเภทกันว่า เป็นต้นไม้หรือดอกไม้อย่างไหน พันธุ์ไหน หรือชนิดไหน พันธุ์พืชแต่ละอย่าง หรือแต่ละนามนี้ ต่างก็มีสายพันธุ์ต่างๆ ที่แตกแขนงออกไปเป็นพันธุ์ (Species) เป็นชนิด (Variety) ลักษณะ ทิวลิปเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว รูปใบเล็กเรียวยาว ปลายใบแหลม เส้นแขนงใบจะเป็นแนวขนานไปตามความยาวของใบ   และเรียวลู่ไปรวมกันที่บริเวณปลายใบ ใบแต่ละใบจะออกสลับทิศทางตรงข้ามกัน ต้นหนึ่งๆ  



 จะออกใบประมาณ 3-4 ใบ  โดยปรกติทิวลิปจะมีขนาดสูงระหว่าง 12-18 นิ้ว ซึ่งก็ต้องแล้วแต่พันธุ์และชนิดของทิวลิปแต่ละอย่าง ดอกของทิวลิปก็เช่นเดียวกัน มีหลายแบบ หลายสี และหลายขนาด แต่โดยปรกติดอกทิวลิปจะเป็นดอกไม้รูปถ้วย ยามบานไม่บานแฉ่ง แต่จะบานเพียงแค่แย้มๆ กลีบออก ให้รู้ว่าเป็นดอกทิวลิปที่บานแล้ว แต่อย่างบายแฉ่งก็มีบ้าง เหมือนกัน เช่น พวกดอกทิวลิปซ้อนหลายๆ ชั้น ปรกติดอกทิวลิปจะมีกลีบดอกซ้อนกันเพียง 2 ชั้นๆ ละ 3 กลีบ กลีบดอกของทิวลิปมีสีสันต่างๆ มากมายหลายเฉดสี นับตั้งแต่สีแสด แดง ส้ม เหลืองเข้ม เหลือง เหลืองอ่อน ชมพู ขาว และสีสลับลายหลายอย่าง มีทั้งสีเดียวล้วนๆ และสีผสมในดอกเดียว หรือที่เรียกว่า ”Broken Tulips” เกสรผู้เป็นสีเหลืองอ่อน หรือขาวเป็นแท่งรูปหัวศรมี 6 เส้น เกสรเมียมีขนาดโตกว่าเกสรผู้ อยู่กึ่งกลางเกสรผู้ เป็นลักษณะแท่งรูปสามเหลี่ยมยาว 2 - 2.5 เซนติเมตร ( ซึ่งมีขนาดยาวไล่เลี่ยกับเกสรผู้ ) ปลายเกสรเมียแต่ละเหลี่ยม งอลงเป็นสามแฉก ส่วนที่ปลายเกสรผู้บางพันธุ์อาจจะเป็นติ่งสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำก็มี



ดอกเบญจมาศ


                                   ดอกเบญจมาศ






ดอกเบญจมาศ 
ภาษาอังกฤษเรียกว่า คริสแซนติมั่ม หรือ คริสแซนติมุ่มก็ได้ Chrysanthemum
ดอกเบญจมาศเหมือนดอกเก๊กฮวยค่ะอยู่ในเพียงแต่ดอกเล็กกว่าโดยทั่วไปแ่ต่ไม่มี ใครเรียกชื่อเต็มๆหรอกค่ะเพราะเรียกยาก ภาษาก็มาจากภาษากรีกที่แปลว่า ทอง Chrysosกับคำว่า แอนโธส Anthos
ที่แปลว่า ดอกไม้ ค่ะเรียกกันยากนักเลยเรียกกันอย่างย่นย่อว่ามัมส์ "moms"
ยังมีอีกชื่อค่ะที่ชอบเรียกกันทั่วไปว่า "แทนซี่ "

ดอกเบญจมาศถือว่าเป็น ดอกไม้มงคลของจีน
มีอยู่ 4 ชนิดคือดอกเบญจมาศ ดอกท้อ ต้นไผ่ และดอกกล้วยไม้
ความหมายของต้นไม้มงคลที่เกิดจาก นักกวี หรือนักปราชญ์จีน
ได้เขียนกวี หรือบทประพันธ์เปรียบเทียบไว้ ซึ่งเมื่อบทกวีได้รับความนิยม
ต้นไม้เหล่านั้นก็กลายเป็นต้นไม้ที่ได้รับความนิยมใน ความหมายตามบทกวีนั้นๆ ด้วย

“ดอกเบญจมาศ” (ดอกฉุยฮัว) นักกวีชาวจีนชื่อ เผาหยวนหมิง
บทกวีเอกของจีน ได้เขียนกวีบทหนึ่ง โดยเปรียบเทียบดอกเบญจมาศว่าเป็นนักปราชญ์
ผู้มีจริยวรรตงดงาม ซึ่งบทกวีนี้ได้รับความยกย่องว่าเป็นบทกวีที่ไพเราะงดงามมาก

“ต้นหลานฮวา” หรือคนไทยรู้จักกันในนามว่ากล้วยไม้ดิน
กวีเอก เผาหยวนหมิง เขียนกวีไว้อีกบทว่า ต้นหลานฮัวเหมือนกับวิญญูชน
ที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความดีที่บริสุทธิ์ ไม่โกงกิน ไม่ทำร้ายใคร
จึงนิยมมอบให้กับคนที่ทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต

ดอกเบญจมาศเป็นไม้ล้มลุกดอกเบญจมาศเป็นดอกไม้ตระกูลดอกเดซี่ค่ะ
ดอกใหญ่ดอกเดียวเด่นมีก้านแข็งแรงบานทนเกือบสิบวัน มีกว่า 100 สายพันธ์
ปลูกครั้งแรกที่จีน ญี่ปุ่น เมื่อ 3,000 กว่าปีมาแล้ว
เป็นดอกที่ชอบแสงแดดจัด ดินที่มีการระบายนํ้าค่อนข้างดี
บางสายพันธ์ุมีกลิ่นแรง จะมีกลิ่นฉุนมากกว่าหอม

ดอกเบญจมมาศเป็นดอกไม้ที่นิยมให้แก่คนอันเป็นที่รัก
ดอกเบญจมามาศมีหลายสีค่ะและมีความ หมายต่างกันเช่น
สีแดงสำหรับความรักและความมีโชคดี ความปรารถนาดี
สีขาวหมายถึง สัจจะ จีนหมายถึงชนชั้นสูง
ดอกเบญจมาศ เป็นสัญลักษณ์ของกองทัพจีนยุคเก่าก่อนการปฎิวัติ และเป็นดอกไม้ของชนชั้นสูง
ย่อมเป็นของต้องห้ามสำหรับประชาชนธรรมดาๆ ทั่วไปที่จะปลูกดอกไม้ชนิดนี้ไว้เชยชม
สีเหลืองหมายถึงความรักที่ยั่งยืน
ภาพยนต์เรื่องหนึ่งของจีนก็ได้ใช้ดอกเบญมาศเป็นสัญลักษณ์
คือเรื่อง Curse of Golden Flower คำสาบของดอกไม้สีทอง คือดอกเบญจมาศสีเหลืองนี่เอง

บางประเทศในยุโรบจะถือว่าดอกเบญจมาศสีขาว หมายถึงความตายค่ะ
อันที่จริงดอกสีขาวหมายถึงสัจจะ หรือว่าความตายคือความจริงก็ถูกเหมือนกันนะคะ
ปัจจุบันมักจะหมายถึง ความสุขการมองโลกในแง่ดี ความเบิกบานแจ่มใส



ในญี่ปุ่นหมายถึงพระอาทิตย์ นำดอกเบญมาศมาจากจีนเมื่อปีคศ. 1400 ราชวงศ์ญี่ปุ่นชอบมาก
จึงนำเอามาเป็นตราลัญจกรของราชวงศ์สัญลักษณ์ของราชวงศ์ญี่ปุ่น หมายถึงความสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
ดอกเบญจมาศมีความหมายมากค่ะ
สำหรับทางเอเซียเช่นจีนและญี่ปุ่นตามที่่ Dogstar ที่ญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ของราชบัลลังก์
เป็นตราประทับของราชวงศ์เป็นชื่อเครื่องราช อิสริยาภรณ์ชั้นสูงของราชวงศ์
ที่มอบให้แก่บุคคลที่ทำคุณประโยชน์ของประเทศ พระจักรพรรดิเป็นผู้มอบให้เท่านั้น
เป็นชื่อของเรือรบ ชื่อ คิกุกามอนโช (Kikugamonsho Battleship) ที่เกาหลี ญี่ปุ่น

กล้วยไม้

กล้วยไม้






กล้วยไม้ เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวเช่น เดียวกับพวก หญ้า ขิง ข่า ฯลฯ ลำต้นและใบมักอวบน้ำ ลำต้นมักมีข้อและ ปล้องชัดเจน ไม่มีเนื้อไม้ จึงไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นไม้ยืนต้น เช่นพืชใบเลี้ยงคู่ได้ กล้วยไม้แทบทุกชนิดเป็นพืชขนาดเล็กหรือเล็กมาก เมื่อเทียบกับพืชวงศ์อื่นๆ บางชนิดเป็นพืชล้มลุก บางชนิดมีลำต้นเป็นเหง้าหรือหัวอยู่ใต้ดิน สร้างใบหรือดอกเพื่อแพร่พันธุ์ในฤดูกาลที่เหมาะสม ก่อนลงหัวหรือยุบตัวเพื่อพักตัวในฤดูแล้งส่วนบางชนิดมีการเจริญเติบโตต่อเนื่องไปเรื่อยๆอาจเจริญทางยอดหรือแตกต้นใหม่จากตาข้างซึ่งอาจเรียกได้ว่ากล้วยไม้เป็นไม้เนื้ออ่อน อายุยืน
กล้วยไม้แยกเป็น 2 จำพวกใหญ่โดยดูจากสภาพการขึ้นอาศัย อันได้แก่ กล้วยไม้ดิน (Terrestrail Orchid) ที่ขึ้นอยู่ตามพื้นป่า และกล้วยไม้อากาศ (Epiphytic Orchid) ที่ขึ้นเป็นพืช อิงอาศัยเกาะตามกิ่งไม้ หรือ บนโขดหิน (Lithophytic Orchid) ซึ่งกล้วยไม้อากาศจะพัฒนาระบบราก ที่สามารถเกาะบนผิววัตถุ เช่นเปลือกไม้ ซอกหิน และอิงอาศัยเพียงดูดกินธาตุอาหาร ที่ละลายปนมากับน้ำค้าง น้ำฝน โดยมิได้รบกวนเบียดเบียนดูด น้ำเลี้ยงจากพืชที่ให้อาศัยเหมือนพวก “พืชกาฝาก” (Parasitic Plant) 
นอกจากนี้กล้วยไม้บางชนิดยังใช้ส่วนรากทำหน้าที่สังเคราะห์ อาหารด้วยแสง เช่นเดียวกับใบได้อีกด้วย








ดอกของพืชวงศ์กล้วยไม้ มีลักษณะพิเศษต่างจากดอกของพืชวงศ์อื่นๆ ซึ่งเราสามารถนำมาเป็นหลักสำคัญในการจำแนก กล่าวคือ ดอกกล้วยไม้ทุกชนิด มีกลีบนอก หรือกลีบเลี้ยง (sepal) จำนวน 3 กลีบ แต่ในกล้วยไม้ บางชนิด กลีบนอกนอกนี้ อาจเชื่อมติดกัน หรือลดรูปลดจำนวนลง แต่มีเป็นส่วนน้อย ส่วนกลีบดอก หรือกลีบใน (petal) มี 3กลีบ โดยกลีบหนึ่งแปลงรูปไปเป็นกลีบปาก หรือกระเป๋า (lip/ labellum)




ดอกหงอนไก่

ดอกหงอนไก่





ดอกไม้มีมากมายหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งดอกไม้แต่ละชนิดนั้นล้วนมีสีสันซึ่งจัดได้ว่าเป็น “ดอกไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว” ของมันเอง เพราะเนื่องจากสีที่สวยมากมายหลากสี ลักษณะของดอกที่แตกต่างกันออกไป เป็นต้น นอกจากจะเพิ่มความเป็น “ธรรมชาติ” แล้วยังนำมาใช้แระโยชน์ได้อีกมากมายด้วยค่ะ ดอกไม้นั้นมีมากมายหลายชนิดด้วยกันหรือจะเรียดได้ว่า “ดอกไม้นานาชนิด” ที่เราเห็นกันทำให้เรามีความสุขได้ค่ะอย่างดอกหงอนไก่ที่เป็นดอกไม้ที่จัดได้ว่าเป็นไม้ดอกที่ใช้ประดับทำให้เกิดความสวยงามเพราะสีที่สวยสะดุจตานั้นเองค่ะ ดังนั้นมารู้รายละเอียดที่เกี่ยวกับดอกหงอนไก่กันค่ะ
ลักษณะทั่วไปของดอกหงอนไก่
ดอกหงอนไก่นี้จัดได้ว่าเป็น “ไม้ล้มลุก” อีกชนิดหนึ่งที่มีความสูงประมาณ 1.0 – 1.5 ม. เป็นต้นไม่ที่ไม่สูง ลำต้นเป็นสันและจะแตกกิ่งก้านสาขาออกมามากมาย เป็นดอกไม้ที่มีผิวขรุขระ
- ใบของดอกหงอนไก่จะขึ้นเรียงสลับกันขึ้นมามีลักษณะใบที่เป็นใบเดี่ยว ดูแล้วจะคล้ายกันกับรูปหอกหรือรูปแถบแคบ มีความกว้าง 1-6 ซม. ยาว 8-15 ซม. โดยบริเวณโคนและใบจะมีลักษณะที่เหลมแต่จะเรียวขึ้นไปเป็นคลื่นๆ
- ดอก จะออกดอกเป็นช่อมีลักษณะเป็นทรงกลม หรือเป็นช่อแต่จะขึ้นเรียวตรงหรือคลายกับหอกแหลม เป็นดอกไม้ที่สวยงาม มีหลากหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว เหลือง แดง เป็นต้น
- ผล มีลักษณะเป็นกลมๆ เป็นสีดำ จะขึ้นอยู่ที่บริเวณดอกเมื้อดอกแก่แล้ว และภายในผลนั้นจะมีเมล็ดอยู่ภายในเป็นสีน้ำตาล สามารถที่จะนำเมล็ดนั้นไปเพาะเป็นต้นกล้าและนำไปปลูกได้ค่ะ
และนี่ก็เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “ดอกหงอนไก่” ที่เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่ให้ความสวยงามเพราะมีช่อดอกที่สวยเป็นเอกลักษณ์และมีสีสันที่สวยงาม สามารถที่จะนำมาเป็นไม้ประดับที่ให้ความสบายตากับเราและเพิ่มสีสันให้สวยงามได้




ดอกไม้นั้นมีมากมายหลายชนิดด้วยกันค่ะ ซึ่งในแต่ละชนิดนั้นล้วนมีความสวยงามและเป็น “ดอกไม้ที่เป็นเอกลักษณะเฉพาะตัว” ของมันเองค่ะ ไม่ว่าจะเป็นดอก ใบ สี เป็นต้น และนอกจากนี้แล้วยังสามารถที่จะนำมาใช้ทำเป็นอาหารหรือทำเป็นยาได้อีกด้วยค่ะ ทางเว็บไซต์ “ดอกไม้นานาชนิด” มีเรื่องเกี่ยวกับดอกทองกวาวมาฝากค่ะ มารู้กันเลยค่ะ
ลักษณะทั่วไปของดอกทองกวาว
ถ้าหากว่าพูดถึงทองกวาวแล้วจัดได้ว่าเป็น “ไม้ยืนต้น” ที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่โดยจะมีความสูงประมาณ 10–15 เมตร เป็นไม้ผลัดใบ โดยมีเรือนยอดที่มีลักษณะของรูปทรงที่ไม่แน่นอนมากนัก ซึ่งส่วนใหญ่ที่เห็นกันคือจะมีลักษณะกลม หรือเป็นทรงกระบอก โดยจะมีใบประกอบมี 3 ใบ ซึ่งแต่ละใบนั้นจะมีขนาดที่ไม่เท่ากัน ลักษณะของใบนั้นจะมีลักษณะใบที่หนาและจะมีขนขึ้น โดยใต้ใบนั้นจะมีสีเขียวอมสีเทา โดยจะออกดอกเป็นช่อที่บริเวณปลายกิ่ง โดยจะมีลักษณะคล้ายกับดอกถั่ว เป็นดอกไม้ที่เป็นสีแสดแดงหรือเหลือง เป็นดอกไม้ที่มีขน โดยดอกทองกวาวนั้นจะออกดอกในช่วงของเดือนธันวาคม – มีนาคม โดยจะมีผลเป็นฝักที่เป็นลักษณะที่แบน ผลนั้นจะมีขนที่นุ่มออกมา โดยจะมีเมล็ด 1 เมล็ดเกิดขึ้นและจะอยู่บริเวณปลายฝัก สำหรับทองกวานั้นจะอาศัยการขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด เป็นพืชที่ชอบดินที่มีสภาพเป็นดินร่วนซุย จึงสามารถที่จะเจริญเติบโตได้ดี และเป็นพืชที่ชอบแสงแดดซึ่งเป็นพืชที่มีความคงทนมากถึงแม้ว่าจะมีแดดที่แรงและแห้งแล้งก็ตามค่ะ
และนี่ก็เป็น “ดอกทองกวาว” ที่เป็นดอกไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะที่มีลักษณะเฉพาะตัวโยจะมีดอกขึ้นเป็นช่อ เป็นดอกไม้ที่ทนแสงแดดได้ดีเป็นดอกไม้ที่มีขนเกิดขึ้นมา ซึ่งจัดได้ว่าเป็นดอกไม้ที่มีสีสันที่สวยเฉพาะตัวค่ะ จึงสามารถที่จะปลูกเอาไว้เพื่อเป็นไม้ประดับได้ค่ะ